วิธีการทำ Latte Art (ลาเต้อาร์ต)
คำว่า ลาเต้ (Latte) มาจากภาษาอิตาลี แปลว่า "นม" ไม่แปลก ถ้าเราไปที่อิตาลี แล้วบอกบาริสต้าว่า Latte แก้วนึงครับ คุณจะได้นมสดร้อนแก้วนึงจริงๆ !! แต่ในประเทศอื่นๆ จะเข้าใจในฐานะกาแฟใส่นม ชื่อเต็มๆของลาเต้ คือ "caffè e latte" แต่เราๆนิยมเรียกกันสั้นๆว่า Latte อีกชื่อที่ใกล้เคียงกัน คือ "café au lait" เป็นภาษาฝรั่งเศส ซึ่งหมายถึงกาแฟใส่นมเช่นกัน
ต้นกำเนิด Latte Art
Latte Art เกิดขึ้นครั้งแรกที่อิตาลี ต้นกำเนิดวัฒนธรรมการทานกาแฟนั่นเองด้วยความที่อิตาลีเป็นเมืองแห่งศิลปะชั้นครู Barista ของที่นี่ จะเป็นผู้ที่มีวัยวุฒิและมีประสบการณ์โชกโชนแล้ว เมื่อเราไปบาร์ของที่นั่น จะไม่ค่อยพบวัยรุ่นทำงานชงกาแฟสักเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้เองคนอิตาเลียนจึงเป็นคนที่มีศิลปะอยู่ในหัวใจ ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรเป็นศิลปะไปหมด ทำให้บาริสต้า เกิดความคิดในการสร้างลวดลายบนเครื่องดื่มของเค้า จากการเทฟองนมลงในกาแฟที่ทำอยู่ทุกวัน เพื่อสร้าความประทับใจให้แก่ลูกค้า จากนั้น "ลาเต้ อาร์ต" (Latte Art) ก็เริ่มเป็นที่แพร่หลาย ไปทั่วยุโรป อเมริกา และไทยเราด้วย
การทำลาเต้อาร์ท มีด้วยกัน 3 แบบ
แบบ Free Pour หรือการเทอิสระ เทคนิคลาเต้อาร์ทแบบนี้ต้องอาศัยความชำนาญ ของบาริสต้าอย่างมากทั้งความนิ่งของมือ สมาธิ การจับจังหวะ โดยการเทนมลงในถ้วยกาแฟที่มี เอสเพรสโซ ชอต อยู่ในถ้วย ด้วยลักษณะของการส่ายข้อมืออย่างเป็นจังหวะ จนเกิดเป็นลวดลายต่างๆ
Rosetta หรือลายใบไม้
Heart หรือลายหัวใจ
ลวดลายที่เกิดการจาก Free pour จะมีหลักๆด้วยกัน 2 ลายที่เป็นที่นิยม
1. Rosetta หรือลายใบไม้
2. Heart ลายหัวใจ
แบบ Drag หรือการลาก เทคนิกการลาก การดเขี่ย การวาด สร้างลาย หยอด เป็นเทคนิคที่ง่าย ใครๆก็สามารถทำได้
ไม่ต้องอาศัยเทคนิคมากๆ ต้องอาศัยขวดซอส ไม่ว่าจะเป็นชอกโกแลต หรือคาราเมล
อีกทั้งอุปกรณ์การลาก ได้แก่ แท่งคอกเทล หรือไม้จิ้มฟันก็ได้
การลาก ‘ลาเต้ อาร์ต’ (Latte Art) สามารถสร้างลวดลายได้หลากหลายมาก ตามแต่จินตนาการ
แบบผสม คือ ผสมเทคนิคทั้งการ เท และ ลากเข้าด้วยกันเป็นการสร้างลายที่ยากขึ้น การทำประเภทนี้ต้องอาศัยเทคนิค และความเร็ว ต้องทำแข่งกับเวลา ที่กาแฟจะเย็นก่อนเสริฟถึงมือลูกค้า
"ลาเต้ อาร์ต" ศิลปะที่คุณดื่มได้ !! ........................................................................................
ในเมืองไทยจะหาร้านที่มีลาเต้อาร์ทสวยๆ ค่อนข้างยาก เพราะร้านกาแฟชื่อดังต่างๆ จะต้องทำงานแข่งกับเวลาและแถวของลูกค้า ทำให้บาริสต้าไม่ได้ถูกเทรนด์ให้มาทำ "ลาเต้ อาร์ต" ในแต่ละถ้วย เพราะมันเสียเวลาในการทำมาก และมีโอก่าผิดพลาดง่ายถ้าไม่ชำนาญ แต่บางร้านก็ทำเสริฟลูกค้า เช่น ร้านแบล๊คแคนยอน หรือ ร้านกาแฟอินดี้ ทั้งหลาย
สนใจหลักสูตร เรียนชงกาแฟสด ......คลิ๊กเลย
กลับสู่หน้าหลักเกร็ดความรู้