หนีหนี้นอกระบบมาขายขนมครกที่ แอล.เอ.
ป้ามาลี เป็นคนจังหวัดชลบุรี ...หนีหนี้นอกระบบ เพราะเศรษฐกิจครอบครัวถึงทางตัน หาเงินได้ไม่พอค่าใช้จ่าย สำหรับครอบครัวที่มีลูกชาย 2 คน ลูกสาว 1 คนกำลังกินกำลังใช้เงิน เพราะกำลังเรียนทั้ง 3 คน เดิมขายข้าวแกงอยู่ในตลาดสด ได้กำไรวันละ 300-400 บาท ขณะที่ต้องให้เงินลูกไปโรงเรียน รวมแล้ววันละเกือบ 200 บาท ดอกเบี้ยจากหนี้เงินต้น 5 หมื่นบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 20 มั่ง ร้องละ 5 มั่งต่อเดือน รวมแล้วต้องจ่ายดอกเดือนละ 6-7 พันบาท ไม่มีโอกาผ่อนต้น ดินเลยพอกหางหมู ตลอดมาเป็นเดือนเป็นปี จนป้าคิดจะหนีไปบวช แต่ทำไม่ได้ เลยยอมไม่ได้ที่จะเป็นคนที่ได้ชื่อว่า หนีหนี้! ถึงแม้จะมีศักดิ์มีศรีแค่แม่ค้าขายข้าวแกง แต่จะไม่ยอมให้ลูกต้องถูกตราหน้าว่า ไอ้ลูกคนโกง! เลยต้องทนดิ้นรนแก้ไขให้ชีวิตครอบครัว เผื่อว่าจะได้หลุดพ้นจากภาระหนี้สิน!
ทำไมต้องทิ้งลูกมาอยู่อเมริกา?
“ถ้าไม่ทิ้งลูก ลูกคงไม่มีอนาคตไปด้วย... เพราะไม่มีเงินเรียน ไม่มีเงินใช้จ่าย อนาคตคงหนีไม่พ้นเป็นคนเกเร อาจคิดไม่ดี คบเพื่อนไม่ดี อาจเป็นคนร้ายไปในที่สุด แม่ทุกคนรักลูก ทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกลำบาก ลูกมีทุกข์ ดูแล้วทางออกมีทางที่ดีที่สุด คือ หนีไปหาสิ่งที่ดีกว่า ไปหาเงินมาแก้สถานการณ์ เพื่อให้ลูกได้เรียนต่อไป ให้ลูกได้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น จากเงินที่เราหาจากที่ใหม่ เลยตัดสินใจมาหางานทำที่อเมริกา”
บินเดี่ยวมาอเมริกาโดยไม่รู้จักใครเลยเหรอ?
“มาวีซ่าท่องเที่ยว มากับบริษัททัวร์ พอถึงอเมริกา ไปเที่ยววัดไทย กินข้าวที่ร้านอาหารไทย พบคนไทย ป้าก็หางานเอาดื้อๆ ถามทุกคนที่ป้าพบว่า มีงานให้ทำมั้ย มีใครจะจ้างแม่ครัวมั่ง ใครจะจ้างแม่บ้าน คนเลี้ยงเด็ก ช่วยขายของ ป้าของานดะไปทุกแห่ง ได้ผลแฮะ เพื่อนเจ้าของร้านอาหารที่ทัวร์พาไปกิน บอกว่า มีร้านอาหารไทย เพื่อนของเขาต้องการแม่ครัว ก็เลยลงตัว! ป้าก็เลยเปลี่ยนชื่อจาก มิสซิสมาลี เป็น มิสซิสโรบิน นามสกุล ฮู้ด ถ้าเรียกให้เต็มยศก็คือ คุณป้าโรบินฮู้ด ป้าเลยโดดตั้งแต่วันนั้นเลย”
ป้าไม่กลัวอิมมิเกรชั่นจับส่งกลับเมืองไทยเหรอ?
“กลัวซิจ๊ะ...มีคนเขาเตือนว่าคนไทยโดนจับ ส่งกลับบ่อยๆ แต่ตอนนั้นป้าหน้ามืดแล้ว ไม่กลงไม่กลัวอะไรแล้ว ตายไม่กลัวกลัวไม่ได้เงินไปเลี้ยงลูก งานอะไรก็ได้ บังเอิญโชคดีได้งานแม่ครัวก่อน งานถนัดของป้าด้วย แถมมีบ้านอยู่ มีข้าวกินอีกต่างหาก อีกอย่างตอนนั้นป้ามีวีซ่าอยู่เมืองเขาตั้ง 2 เดือน ยังพอหายใจ พอหาทางแก้ไขได้ เลยไม่เครียดเท่าไหร่”
อยู่อเมริกา 10 กว่าปี เปลี่ยนงานกี่ครั้ง?
“แม่ครัวหางานง่ายกว่างานอื่นโดยเฉพาะที่แอล.เอ. มีร้านอาหารไทยเยอะ เลือกได้ ป้าเปลี่ยนร้านแทบจะว่าปีละร้านเลย เพราะอะไร หนึ่งอึดอัดกับเจ้าของร้าน ที่ทำอะไรขัดหูขัดตา สอง ญาติของเจ้าของร้านมาก้าวก่าย มาควบคุมเรามายุ่งจุ้นจ้านกับงานของป้า สาม ที่อื่นเสนอเงินเดือนให้มากกว่า เอ๊ะ..ที่พูดยังงี้เป็นประเภทเห็นแก่เงินไหมเนี่ย”
ทำยังไงถึงมาเป็นแม่ค้าขนมครก?
“ที่มาเหรอ คงจะเป็นเพราะ เบื่องานแม่ครัวล่ะมั้ง... โถคุณ ทุกวันทุกชั่วโมง เจอแต่เตา กระทะ จำเจอยู่กับผัด ต้ม ปิ้ง มันน่าเบื่อมั้ยล่ะ...ที่มาที่ไปที่ป้ามายุ่งอยู่กับการแคะขนมครกน่ะ... ป้าไปซื้อขนมครกกิน รสชาติมันไม่เอาไหนเลย บางทีก็แป้งอ่อนไป..เปียกมากไป... เอ้อ แฉะมากไป ทั้งหวาน มัน เค็ม มันไม่ได้ มันยังไม่ได้ ผิดกับขนมครกที่เมืองไทย มันโอเค.กว่านะ ป้าไม่เคยแคะขนมครกหรอกนะ แต่เกิดความคิดว่า ถ้าเราทำได้ดีกว่าที่เขาทำ เราก็น่าจะลองทำขายดูมั่ง”
ป้าเริ่มขายขนมครกได้ไง?
“ลองคุยกับเพื่อนๆดูก่อน หลายคนสนับสนุน แต่ไม่แน่ใจในฝีมือของป้า ยิ่งป้าบอกว่าไม่เคยทำมาก่อน ทุกคนเลยไม่แน่ใจ ว่าขนมครกของป้าจะเหนือกว่าของเจ้าเก่าหรือเปล่า อีกอย่างป้าลองคำนวณดูแล้ว น่าจะมีรายได้มากกว่าเงินเดือนแม่ครัว ที่มันเป็นรายได้ตายตัว ไม่มีโอกาสฟลุ้ก เหมือนทำการค้าส่วนตัว ป้าเลยเริ่มฝึกทำลองทำขนมครกดู ไปซื้ออุปกรณ์ ซื้อแป้ง ซื้อผัก ลองทำดู เหนื่อยนะเพราะต้องทำหลังจากเลิกงานจากร้าน ก็เกือบ 2 ยามแล้ว ต้องอยู่ดึกตี 1 ตี 2 ถึงจะได้นอน 10 โมงก็ต้องถึงร้านแล้ว อดทนทำจนเพื่อนๆเริ่มชม... เริ่มอร่อยกับฝีมือขนมครกของป้า นั่นแหละป้าถึงเริ่มขายขนมครกเต็มตัว เสี่ยงลาออกจากงานหลักที่สิ้นเดือนได้เงินแน่ๆ กลับมาแคะขนมครกขายที่วันๆไม่มีความแน่นอน เสี่ยงต่อการส่งเงินให้ลูก แต่ป้าเป็นคนยังเงี๊ยะ ถ้าถึงจุดจุดหนึ่งแล้ว ป้าเสี่ยง ป้าทำทุกอย่าง เพื่อจะหาความสำเร็จ นั่นแหละ...ที่ป้าเป็นแม่ค้าแคะขนมครกเต็มตัว”
ออกขายวันแรกเจออะไรมั่ง?
“เจอเต็มเปาเลย... วันแรกขายได้แค่ 20 เหรียญ ก็เพลียใจเหมือนกันนะ ขายได้ 20 เหรียญหักทุนแล้วเหลือ 10 กว่าเหรียญ ดูอนาคตแล้วหดหู่นะ... วันที่ 2 ก็ขายได้เพียง 18 เหรียญ เกือบหมดกำลังใจ เกือบจะเลิกแล้วกลับไปเป็นแม่ครัวอย่างเก่า อีก 20 วันต่อมา ก็ขายได้ประมาณนี้...เพื่อนๆก็เตือนด้วยความหวังดีว่าเลิกเฮอะ อย่าแคะขนมครกต่อไปเลย กลับไปกินเงินเดือนดีกว่า ป้าก็เลยกลับมาคิด มานึกดูถึงเหตุที่ว่าขายได้น้อย...มาถึงบางอ้อ อีตรงวันที่ 26 เริ่มขายได้มากขึ้น เริ่มมีลูกค้าเก่ามาซื้อถี่ขึ้น แถมมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก คุณเชื่อมั้ยว่า ลูกค้าเพิ่มขึ้นทุกวัน นอกจากลูกค้าคนไทยแล้ว ก็มีคนจีน คนลาว มาอุดหนุนป้ามากขึ้น จนถึงวันนี้ ป้ามีความสุขแล้ว ที่ขายได้มากจนเป็นที่น่าพอใจ”
ทุกวันนี้ป้ามีคู่แข่งบ้างไหม?
“ก็มีค่ะ...แต่ว่าสู้เราไม่ได้หรอก ของป้าปรับปรุงเพิ่มปริมาณ เพิ่มคุณภาพ ให้ลูกค้าอยู่ตลอดเวลา ลดแลกแจกแถมตามโอกาสที่คืนกำไรให้ลูกค้า”
คิดจะกลับไปทำงานกินเงินเดือนอีกไหม?
“โนเวย์คุณ...ถ้าขายเองบางเดือนได้เงินมากกว่า เงินเดือน 2 เท่า 3 เท่า ถ้ามีเทศกาลหรือตลาดนัด คิดน่ะคิด แต่คิดว่าจะทำอะไรขายดี ที่อเมริกายังไม่มีคนขายน่ะคุณ”
นี่ก็เป็นคนไทยอีกคนหนึ่งที่ไปเสี่ยงโชคอยู่ในเมืองฝรั่ง ตลอดชั่วชีวิตที่ไปทำมาหากินอยู่เมืองนอก ดูไม่ค่อยจะเจอความทุกข์ ความยาก ความจน เหมือนกับเพื่อนอีกหลายๆคน ทุกวันนี้ป้ามาลีส่งเงินมาผ่อนบ้านให้ลูกอยู่ ผ่อนรถให้ลูกคนโตที่ดูแลน้องๆ ดูแลการเงินแทนแม่มาลี ที่ตั้งหน้าตั้งตาปั๊มดอลล่าร์อยู่อเมริกา...คำสุดท้ายที่ป้าแกบอกพวกเราว่า
“เมื่อก่อนป้าเป็นลูกหนี้ แต่วันนี้ป้าเป็นเจ้าหนี้มั่งล่ะ”
เรียนทำขนมครกกะทิสด...คลิ๊กเลย