ทาโกยากิ” หรือที่บางท่านเรียกว่า “ขนมครกญี่ปุ่น” นั้น แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า ปลาหมึกอบ ปลาหมึกปิ้ง หรือปลาหมึกทอด (ทาโกะคือปลาหมึก ส่วนยากิคือทอด ปิ้ง หรืออบ) ซึ่งความจริงแล้ว มันก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะมันเรียกยากอยู่เหมือนกันนะ ใครบอกได้บ้างล่ะ ว่ากิริยาอาการเวลาขนมครกมันสุกอยู่บนเตาเขาเรียกว่าอะไร ปิ้งก็ไม่ใช่ ย่างก็ไม่ใช่ แต่คนญี่ปุ่นเขาเรียกว่าทอด/ปิ้ง/อบ ก็ตามเขาไปแล้วกัน เอ้า! เข้าเรื่องต่อ
ทาโกยากิคือขนมรูปร่างกลมๆมีขนาดประมาณ 3-5 เซนติเมตร ถือเป็นของว่างชนิดหนึ่งของคนญี่ปุ่นค่ะ เห็นรูปร่างหน้าตากลมๆอย่างนั้น แต่มันก็ไม่ได้มีแค่แป้งกับปลาหมึกเป็นส่วนประกอบหลักๆหรอกนะจะบอกให้ ยังมีขิงแดง พืชชนิดหัวของประเทศญี่ปุ่นที่เรียกว่าคอนยัคคุ และหัวหอมอีกด้วย นอกจากนั้นยังต้องมีการราดหน้าทาโกยากิด้วยซอสสีดำๆซึ่งเป็นซอสชนิดเดียวกับอาหารว่างอีกจานหนึ่งคือโอโคโนมิยากิ บางคนขอบีบซอสมายองเนสใส่อีกเล็กน้อย แถมมีปลาฝอย หรือที่เรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า คัทซึโอโบชิ โรยหน้าเข้าให้อีกเพื่อเพิ่มความอร่อย
เขาว่ากันว่า คนในแถบคันไซของประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าแรกที่ทำให้ขนมทาโกยากิโด่งดังขึ้นมาทั่วประเทศญี่ปุ่น และทั่วโลก แต่ทาโกยากิก็ไม่ได้เป็นอาหารต้นตำหรับหรอกนะคะ เพราะว่าทาโกยากินั้น ได้รับการดัดแปลงมาจากขนมที่ทำมาจากแป้งชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “อากาชิยากิ” (Akashiyaki) หรือที่มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “อากาชิ โนะ ทามาโกยากิ” ค่ะ เจ้าขนมชื่อยาวนี้ก็มีหน้าตาคล้ายๆทาโกยากิ คือเป็นก้อนกลมๆทำมาจากแป้งและไข่ มีการใส่ไส้ปลาหมึกเข้าไปข้างในก่อนเอาไปย่างค่ะ ส่วนเวลาทานก็ต้องจิ้มซอสชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ดาชิ” (Dashi) ซึ่งเจ้าขนมชนิดนี้ก็มีถิ่นกำเนิดที่เมืองอากาชิ ในจังหวัดเฮียวโกะ ในแถบคันไซ ชื่อ “อากาชิ” ของขนมก็มาจากชื่อเมืองนี่เองค่ะ แต่คนพื้นเมืองเขาไม่เรียกชื่อเต็มๆกันหรอกนะคะ เขาจะเรียกสั้นๆว่า “ทามาโกยากิ” เท่านั้น อ้อ ลืมบอกไปค่ะว่าช่วงที่อากาชิยากิโด่งดังอยู่ในช่วงปี ค.ศ.1933ค่ะ และหลังจากนั้นก็เกิดการดัดแปลงส่วนผสมจนเกิดทาโกยากิขึ้นในเวลาต่อมา
ขนมทาโกยากินั้นแพร่หลายอยู่ในแถบคันไซเรื่อยๆจนกระทั่งในปี ค.ศ.1990เป็นต้นมาก็มีการเปิดร้านทาโกยากิในแถบคันโต และทั่วประเทศญี่ปานขึ้นค่ะ ร้านทาโกยากิแห่งแรกๆก็มีที่ชิบุยะ และหลังจากนั้นก็มีร้านจากแถบคันไซเข้ามาเปิดสาขาในโตเกียวกันมากขึ้น และได้รับความนิยมมากๆ เพราะว่าคนโตเกียวก็อยากทานทาโกยากิที่มีรสชาติแบบต้นตำหรับไงคะ ส่วนทาโกยากิของคนโตเกียวเขาก็มีการดัดแปลงสูตรกันบ้างเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นการเพิ่มส่วนผสม อย่างเช่น ผักกะหล่ำปลีเข้าไปนั่นเอง บางร้านหนักข้อถึงขั้นใส่น้ำซุปเข้าไปเป็นหนึ่งในส่วนผสมของแป้งด้วย บางร้านนิยมฝรั่งจัด มีการโรยชีสด้วยล่ะ เรียกได้ว่า ทาโกยากิในโตเกียวนี่มีหลากหลายแบบให้เลือกทานกันเลยทีเดียว
ปละถ้าใครยังไม่เชื่อในความโด่งดังของขนมกลมๆลูกนี้อีกต้องเปลี่ยนใจแน่ เพราะเจ้าทาโกยากินี้ได้รับความนิยมอย่างแรงถึงขั้นมีซีดีเพลงชื่อ “ทาโกยากิ โนะ อุตะ” ออกวางจำหน่ายกันในปี ค.ศ.2002 ด้วยล่ะ!!! อย่าถามเชียวนะว่าเขาร้องกันยังไง ไม่อยากจะเดาเลย โอ้ หรือ เป็นเพลงรัก ฉันรักเธอ เธอรักฉัน เรามากินทาโกยากิกัน อะไรแบบนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วเพลงนี้ก็ขายได้ถึงประมาณกว่า 1 ล้านแผ่นในเมืองโอซาก้าเลยล่ะ แหม ก็คนคันไซเขารักทาโกยากินี่นา
แล้วซีดีเพลงนี้ก็ได้รับความนิยมในประเทศเกาหลีใต้ด้วย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ อาจจะมีคนสงสัยกันว่าใครกันจะซื้อไปฟัง แต่ที่แน่ๆก็ร้ายทาโกยากิที่เปิดขายกันให้เกลื่อนเมืองนี่ล่ะ
เอ้า มาถึงเรื่องราคากันบ้าง อืม...ทาโกยากิ บ้านเราเท่าไหร่นะ? รู้สึกว่า ทาโกยากิหนึ่งจานมี 6 ลูก ของร้านอาหารญี่ปุ่นชือ่เหมือนภูเขาไฟ (ร้าน “ฟูจิ” นั่นเอง) ร้านนั้นจะราคาอยู่ที่ 80 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นก็ถือว่าแพงทีเดียวล่ะ ถ้าเป็นร้านที่มีที่นั่ง ดูดีหน่อย ราคาทาโกยากิ 5-8 ลูก มีราคาอยู่ที่ประมาณ 200-400 เยน หรือประมาณ 60-120 บาท (เมื่อนำเงินเยนมาเทียบกับเงินบาทจะได้อัตราการแลกเปลี่ยนคือ 30 บาท : 100 เยน) ถ้าเป็นร้านข้างถนนจะมี 7 ลูก แค่ 100 เยนหรือประมาณ 30 บาทเท่านั้น (แต่ในไทยขายกัน 6 ลูก 45-60 บาท ตกขายลูกละประมาณ 7-10 บาท ต้นทุนไม่เกิน ลูกละ 2 บาท พอจะเห็นช่องทางธุรกิจกันแล้วใช่มั้ยหละ ^^)
สนใจเรียนทำทาโกะยากิ.....คลิ๊กเลย